พระปฐมเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนทันตธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปูชนียสถานสำคัญที่ยิ่งใหญ่ โดดเด่นมองเห็นแต่ไกล คู่บ้านคู่เมืองไทยและเมืองนครปฐมมานาน
พระปฐมเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนทันตธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปูชนียสถานสำคัญที่ยิ่งใหญ่ โดดเด่นมองเห็นแต่ไกล คู่บ้านคู่เมืองไทยและเมืองนครปฐมมานาน ตั้งอยู่ที่วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม เป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความเก่าแก่มากจัดเป็นพุทธสถานรุ่นแรกๆ ที่พบในประเทศไทย
มีตำนานเกี่ยวกับองค์พระเจดีย์อยู่หลายเรื่อง เช่นเรื่องพระยากง-พระยาพาน ที่ได้กล่าวถึงการสร้างพระเจดีย์นี้ องค์พระเจดีย์องค์เดิมเป็นรูปทรงโอสำหรับตักน้ำหรือบาตรคว่ำ มีส่วนสูง 18 วา 2 ศอก ต่อมาได้มีผู้ศรัทธาปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมเป็นระยะๆ จนกลายเป็นพุทธเจดีย์ขนาดใหญ่ รูปทรงบาตรคว่ำ ยอดปรางค์ สูง 40 วา 2 ศอก
การบูรณปฏิสังขรณ์องค์พระปฐมเจดีย์ครั้งใหญ่ เริ่มดำเนินการ ในปี พ.ศ.2396 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนถึงปีที่เสด็จสวรรคต พ.ศ.2411ได้เปลี่ยนรูปทรงใหม่เป็นพระเจดีย์แบบสถาปัตยกรรมไทยรูประฆังคว่ำยอดแหลมปากผาย โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมา ก่ออิฐถือปูนประดับกระเบื้องเคลือบ ครอบพระมหาสถูปรูปทรงบาตรคว่ำยอดปรางค์องค์เดิมไว้ มีพระวิหาร 4 ทิศ และพระวิหารคตระเบียงจารึกคาถาธรรม (ธรรมเจดีย์) ล้อมรอบองค์พระมหาสถูป "พระปฐมเจดีย์" พร้อมด้วยซุ้มระฆังจำนวน 24 หลัง และทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระอุโบสถพระวิหารโรงธรรม พร้อมด้วยกุฏิสงฆ์ประจำวัดอีกจำนวน 24 หลัง ต่อมารัชกาลที่ 5 โปรดให้ปฏิสังขรณ์จัดสร้างหอระฆัง และประดับกระเบื้องจนสำเร็จ เมื่อถึงรัชกาลที่ 6 ปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวง เขียนภาพพระเจดีย์องค์เดิมและภาพต่าง ๆ ไว้ที่ ผนัง รื้อมุขวิหารด้านทิศเหนือสร้างใหม่ เพื่อประดิษฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ศรีอินทราทิตย์ธรรโมภาส มหาวชิราวุธราชบูชนียบพิตร มีความสูง 12 ศอก 4 นิ้ว แล้วนำไปประดิษฐานที่ซุ้มพระปฐมเจดีย์ เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 และถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และต่อมารัชกาลที่ 7 โปรดให้สร้างพระอุโบสถใหม่
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2509 ทางวัดพบว่าตัวองค์พระปฐมเจดีย์มีรอยแตกร้าวหลายแห่ง กระเบื้องที่ประดับหลุดร่วงลงมา จึงได้แจ้งให้ทางการทราบ จากการสำรวจพบว่าองค์พระมีความชำรุดเสียหายมาก รัฐบาลจึงได้อนุมัติงบประมาณ และให้กรมโยธาธิการ และกรมศิลปากร ได้ลงมือทำการ ซ่อมแซมบูรณะมาตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน 2518 สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2524 เป็นองค์พระปฐมเจดีย์ที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ตั้งอยู่ที่ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม กลางเมืองนครปฐม ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายเก่า สายถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4)ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน ไปจนถึงจังหวัดนครปฐม หรือ เส้นทางสายใหม่จากกรุงเทพฯ ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ไปจนถึงตัวจังหวัดนครปฐม
ทางรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย มีบริการรถไฟไปจังหวัดนครปฐมทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
รถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางได้จากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่เวลา 05.30-23.15 น. ซึ่งมีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศวิ่ง 2 เส้นทาง คือสายเก่า (กรุงเทพฯ-อ้อมใหญ่-สามพราน-นครปฐม) มีรถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 2 สายกรุงเทพฯ-นครปฐม, กรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-บางลี่
สายใหม่ (กรุงเทพฯ-พุทธมณฑล-นครชัยศรี-นครปฐม)สามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้น 1 สายกรุงเทพฯ-นครปฐม,กรุงเทพฯ-ด่านช้าง(สีน้ำเงิน) หรือ รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2สายกรุงเทพฯ-นครปฐม, สายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก, กรุงเทพฯ-เพชรบุรีตั้งแต่เวลา 05.30-23.00 น. รถอกทุก 15 นาที
- นมัสการองค์พระปฐมเจดีย์
- นมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์
- ชมปูชนียสถานที่สำคัญของไทย
สิ่งน่าสนใจอื่นๆในพระปฐมเจดีย์ พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัยประดิษฐานในซุ้มวิหารทางทิศเหนือหน้าองค์พระปฐมเจดีย์สร้างในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาทมาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย แล้วโปรดเกล้าฯให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้งปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มองค์ทำพิธีหล่อที่วัดพระเชตุพนฯ เมื่อ พ.ศ. 2456แล้วอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในซุ้มวิหารด้านทิศเหนือตรงกับบันไดใหญ่และพระราชทานนามว่า “พระร่วงโรจนฤทธิ์ ศรีอินทราทิตย์ ธรรมโมภาสมหาวชิราวุธราชปูชนียบพิตร”และที่ฐานพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พิพิธภัณฑ์วัดพระปฐมเจดีย์ ตั้งอยู่บริเวณชั้นลดด้านทิศตะวันออกตรงข้ามพระอุโบสถภายในเก็บวัตถุโบราณที่ขุดพบได้จากสถานที่ต่างๆในจังหวัดนครปฐมทั้งสมัยบ้านเชียง สมัยทวารวดี เช่น พระพุทธรูป หินบดยาลูกประคำดินเผา กำไลข้อมือ เงินโบราณ ฯลฯและยังเป็นที่เก็บหีบศพของย่าเหลและโต๊ะหมู่บูชาซึ่งใช้ในพิธีศพของย่าเหลซึ่งเป็นสุนัขที่รัชกาลที่ 6 ทรงโปรดปรานมากและถูกคนลอบยิงตายพระองค์ทรงเสียพระทัยมาก โปรดฯให้สร้างอนุสาวรีย์ไว้อาลัย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00-16.30 น. (ปิดช่วงเวลา12.00–13.00)