ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วยังนึกไม่ได้ แนะนำให้ไปเที่ยวที่อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านปิยะมิตร 5 ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา
อุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านปิยะมิตร 5 ตำบลคลองกวาง อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์มลายา เคยใช้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ ในช่วงปี พ.ศ. 2520 อุโมงค์เขาน้ำค้างหรืออุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง เกิดจากความจำเป็นของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ที่จะต้องหาที่หลบภัยจากการถูกโจมตีทางอากาศเพื่อเอาชีวิตรอดในช่วงที่ต้องต่อสู้ตามอุดมการณ์ ในปี พ.ศ. 2517 จึงระดมกำลังพล 200 คน ทำการขุดเจาะเป็นเวลารวม 2 ปีเศษๆ เป็นอุโมงค์ที่ถูกขุดเจาะด้วยน้ำมือของมนุษย์ เป็นหลักฐานแสดงถึงความมานะอุตสาหะและกล้าหาญอดทนของเหล่าพลพรรคในสมัยนั้นมาก ที่สามารถเจาะอุโมงค์เข้าไปในภูเขา ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ชั้น แบ่งแยกพื้นที่ภายในทำเป็นห้องต่างๆ มีช่องทางเข้าออก 16 ช่องทาง รวมความยาวภายในอุโมงค์ประมาณ 1 ก.ม.
จาก(อดีต)สมาชิกพรรคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) เมื่อสมัยหลายปีก่อน ซึ่งดำรงชีวิตในป่าใหญ่ หลบซ่อนพรางตัวอยู่ในอุโมงค์ในคราวถูกโจมตีได้อย่างปลอดภัยนานเป็นเดือน ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน ได้กลับใจมาเข้าร่วมเป็น ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2530 และได้ละทิ้งอุโมงค์ไว้เบื้องหลังให้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและแรงธรรมชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 นายเหลียงยี่ซิง และ นายหมิงเซิน อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มลายา ได้ร่วมมือกันลงทุนนำคนงานจำนวนหนึ่งฟื้นฟูซ่อมแซมอุโมงค์ที่ถูกปล่อยให้โทรมไปตามธรรมชาติหลายปีขึ้นมาใหม่ มีปณิธานมุ่งหมายให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ชนรุ่นปัจจุบันและรุ่นต่อๆ ไปได้เห็นและศึกษาประวัติศาสตร์ 60 ปีของอดีตพรรคคอมมิวนิสต์มลายาต่อไป โดยได้มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2540 การคงอยู่ของอุโมงค์แห่งนี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมานะพยายาม ความกล้าหาญ ความอดทน และปัญญาในการเอาชีวิตรอดของมนุษย์
การเดินทาง : ไปเที่ยวชมอุโมงค์ประวัติศาสตร์เขาน้ำค้าง มี 2 เส้นทางหลัก คือ จากอำเภอนาทวี เป็นระยะทางประมาณ 32 ก.ม. และจาก อำเภอสะเดา ระยะทางรวมประมาณ 26 ก.ม. ทั้งสองเส้นทางล้วนแล้วแต่สะดวกด้วยถนนลาดยางแบบสองเลน มีป้ายชี้ทางตลอดเส้นทาง หากเดินทางจากทางอำเภอสะเดาจะต้องขึ้นภูเขาชันเป็นระยะพอสมควร แต่จะได้ชมวิวที่สวยงามจากบนยอดเขา