วัดใหญ่สุวรรณาราม สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในวัดมีศาลาการเปรียญ เป็นพระตำหนักไม้สักทั้งหลังที่พระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชทานแด่พระสังฆราชชาวเพชรบุรี
วัดใหญ่สุวรรณาราม อยู่ที่ถนนพงษ์สุริยา ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ 1 กิโลเมตร วัดนี้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา และได้มีการบูรณะในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในวัดมีศาลาการเปรียญ เป็นพระตำหนักไม้สักทั้งหลังที่พระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชทานแด่พระสังฆราชชาวเพชรบุรี ศาลาการเปรียญนี้มีการแกะสลักไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะบานประตูสลักลายก้านขดปิดทอง และยังมีธรรมาสน์เทศน์ ซึ่งแกะสลักลงรักปิดทอง รูปทรงเป็นบุษบกที่งดงามและสมบูรณ์ บนผนังภายในพระอุโบสถ มีภาพเขียนเทพชุมนุม อายุกว่า 300 ปี สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าชมศิลปกรรมในพระอุโบสถและศาลาการเปรียญ ต้องไปติดต่อขอกุญแจที่เจ้าอาวาส
สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดได้แก่ โบสถ์ เป็นที่รวมงานช่างฝีมือชั้นเยี่ยมไว้หลายแขนง ได้แก่
- ลายปูนปั้น โดยเฉพาะที่หน้าบันซึ่งปั้นเป็นรูปพระนารายณ์ ทรงครุฑ ลายพุ่มกระจัง ฝีมือช่างชั้นครูของเมืองเพชรบุรีราวสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาต่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์
- ภาพจิตรกรรม เขียนในสมัยอยุธยา ปัจจุบันยังอยู่ในสภาพ สมบูรณ์ โดยเฉพาะภาพบริเวณผนังด้านข้างพระประธาน ซึ่งยังไม่เคยได้รับการซ่อมแซม เขียนเป็นรูปเทพชุมนุมเรียงซ้อนกันห้าชั้น ประกอบด้วยเทวดาจากสวรรค์ชั้นต่าง ๆ นั่งปะปนกับฤาษี นักสิทธ์ วิทยาธร นาค ครุฑ และอสูร ซึ่งมีความงดงามโดดเด่นเป็นพิเศษ ที่ บานประตูโดยเฉพาะบานกลาง มีภาพทวารบาลที่เขียนทั้งรูปหน้าและเครื่องทรงได้อย่างประณีตงดงาม ณ ปากน้ำ ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศิลปะไทยเคยกล่าวยกย่องฝีมือช่างชาวเพชรบุรีที่เขียนภาพนี้ว่าเป็นฝีมือ ช่างเทวดา และลงความเห็นว่าเป็นฝีมือเดียวกับลายไทย บนศาลาการเปรียญในวัดเดียวกันนี้
- พระพุทธรูป เป็นพระพุทธรูปฝีมือช่างสมัยอยุธยา และองค์ ที่สำคัญคือ พระคันธารราษฎร์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าฯ ทรงอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ กรุงเทพมหานคร ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำมาประดิษฐานในโบสถ์แห่งนี้ นอกจากนี้ด้าน หน้าพระประธานยังมีพระรูปหล่อพระสังฆราชแตงโมประดิษฐานอยู่ และมีบาตรที่ทรงเคยใช้เก็บอยู่ในตู้ข้าง ๆ ด้วย
ศาลาการเปรียญ เป็นตำหนักไม้สักทั้งหลังที่พระเจ้าเสือ แห่งกรุงศรีอยุธยา พระราชทานแด่พระสังฆราชแตงโม ในคราวที่ถวายพระพรลาจากกรุงศรีอยุธยากลับมาอยู่ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จ. เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของท่าน ตำหนักดังกล่าวได้ถูกรื้อนำมาประกอบเป็นศาลาการเปรียญของวัดนี้สืบมาจน ปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างพระราชมนเทียรสมัยอยุธยาที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ 10 ห้องหน้าบันหลังคาด้านหน้าและหลังเป็นมุขประเจิดหรือมุขทะลุขื่อ แกะสลักเป็นลายกระหนกช่อพุ่มหางโต ระหว่างชายคาและตัวฝาผนังเรือนด้านนอกมีคันทวยลายหน้าตั๊กแตนรองรับโดยตลอด นอก จากนี้ที่บานประตูจำหลักเป็นลายก้านขดสองชั้น ออกยอดเป็นลายกระหนกและหัวสัตว์ต่าง ๆ อยู่ในกรอบซุ้มเรือนแก้วที่สวยงามน่าชม ภายในยังมีภาพเขียนรูปเทวดาสมัยอยุธยาให้ชมอีกด้วย
หอไตร ตั้งอยู่ในสระน้ำ ยกพื้นสูง มีเสารองรับเพียงสาม เสา คงเป็นความคิดของช่างที่จะให้สอดคล้องกับที่เก็บพระไตรปิฎก สามหมวด การที่สร้างไว้กลางน้ำก็เพื่อให้พ้นจากมดปลวกที่จะมากัดกินพระไตรปิฎกใบลาน ที่เก็บไว้ในหอ นับว่าหาชมได้ไม่ง่ายนักในปัจจุบัน