งานนมัสการพระพุทธบาทบัวบก ภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้า อาหารและผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ประชาชนในจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงที่เดินทางมาร่วมงาน นอกจากจะได้นมัสการพระพุทธบาทแล้วยังสามารถเดินเท้าไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
ประวัติความเป็นมา พระพุทธบาทบัวบก ประดิษฐาน ณ วัดพระพุทธบาทบัวบก เชิงเขาภูพาน ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ ห่างจากตัวอำเภอไปประมาณ 10 กิโลเมตร สร้างอยู่ในพื้นที่ 2,500 ไร่ องค์พระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในพระธาตุเจดีย์ สร้างขึ้นตามแบบองค์พระธาตุพนม ที่จังหวัดนครพนม ประวัติความเป็นมาของรอยพระพุทธบาทแต่เดิมนั้น มีปรากฏในตำนานพระเจ้าเหยียบโลก ซึ่งเขียนเป็นภาษาลาวกล่าวถึงการเสด็จโปรดสัตว์ของพระพุทธองค์ยังที่ต่างๆ ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จออกแสดงพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ครั้งหนึ่งพระองค์ได้เสด็จมาประทับอยู่ที่ดอยนันทะดังฮี ในแคว้นหลวง พระบาง ประเทศลาว ได้ทรงทราบว่า นาคแถบฝั่งโขงตรงข้ามมีความดุร้ายและรบกวนมนุษย์และสัตว์อยู่เสมอ จึงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังหนองบัวบาน และถ้ำบัวบก อันเป็นที่อยู่อาศัยของนาค 2 ตัว คือ กุทโธปาปนาค และมิลินทนาค พระพุทธองค์ประทานพระธรรมแก่กุทโธปาปนาค และเมื่อได้ฟังพระธรรมก็เลื่อมใสและยอมเป็นศิษย์นับถือพระไตรสรณคมน์ กุทโธปาปนาครำลึกถึงน้องชย คือ มิลินทนาค ที่มีนิสัยดุร้ายและชอบทำร้ายมนุษย์และสัตว์เช่นกัน จึงกราบทูลขอให้พระพุทธองค์เสด็จไปโปรด เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาถึงบริเวณถ้ำบัวบก อันเป็นที่อาศัยของมิลินทนาค มิลินทนาคก็ได้สำแดงเดชเพื่อขัดขวางและทำร้ายพระพุทธองค์ด้วยวิธีต่างๆ แต่ไม่เป็นผล จึงได้ปลอมตัวเป็นคนเข้าไปนมัสการพระพุทธองค์เพื่อขอขมา พระองค์จึงได้ทรงเทศนาสั่งสอน มิลินทนาคเกิดสำนึกผิดในสิ่งที่ตนได้กระทำไปแล้ว จึงทูลขอบรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงยอม ด้วยทรงพิจารณามิลินทนาคเป็นสัตว์เดรัจฉานเป็นการผิดวินัยของพระองค์ จึงได้ประทานพระไตรสรณคมน์ให้ถือปฏิบัติต่อไปไม่เบียดเบียนสัตว์โลก มิลินทนาคเมื่อกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทไม่ได้ จึงได้กราบทูลขอรอยพระพุทธบาทพระองค์ไว้กราบไหว้บูชา พระพุทธองค์ได้พิจารณาสถานที่นั้นแล้วจึงได้พระราชทานรอยพระพุทธบาทของพระองค์ไว้ให้และเสด็จไปสู่มัธยมประเทศ อันเป็นเขตแห่งเชตุวันมหาวิหาร ด้วยเหตุนี้สถานที่แห่งนี้จึงได้นามว่าพระพุทธบาทบัวบก
นอกจากนั้นยังมีตำนานที่กล่าวถึงการพบรอยพระพุทธบาทดังกล่าว คือ “พรานผุย” (บ้างก็ว่าเป็นพรานเจตบุตร) แห่งบ้านนาหลวง ตามสัตว์ที่ถูกยิงบาดเจ็บแล้วเลียแผลหายอย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้เดินสำรวจป่าแถบนี้ก็พบรอยพระพุทธบาทที่ล้อมรอบด้วยป่าบัวบก หรือบัวสันโดษ ซึ่งมีลักษณะเป็นลำต้นเดี่ยวไปใหญ่ขนาดใบบอน เมื่อพบรอยพระพุทธบาทแล้ว พรานผุยจึงละบาปทั้งปวง หันมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธบาทบัวบก ซึ่งปัจจุบันยังปรากฏโขดหินบ้านนายพราน และโขดหินยุ้งข้าวของนายพรานอยู่ ผู้พบรอยพระพุทธบาท สมัยที่ 2 คือ ฤาษีจันทา กับนักบวชพรตพราหมณ์เมื่อ พ.ศ. 600 ทั้งยังได้ร่วมสร้างอุโมงค์กว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 8 เมตร ครอบรอบพระพุทธบาทไว้ และภายในรอยพระพุทธบาทบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 16 องค์
หลังจากนั้นเป็นต้นมา รอยพระพุทธบาทได้ถูกทอดทิ้งมาเป็นเวลาหลายพันปี การบูรณะครั้งสุดท้ายดังที่ปรากฏอยู่ปัจจุบันนี้ ราว พ.ศ.2426 ครั้งนั้นมีพระสงฆ์หลายรูปจาก อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม มีอาจารย์ศรีทัศน์ เป็นผู้นำออกธุดงค์ มาจนถึงตำบลบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้พยายามไต่ถามชาวบ้านให้บอกที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและได้พบรอยพระพุทธบาทตามความตั้งใจ และได้ขอแรงจากชาวบ้านใกล้เคียงช่วยกันก่อสร้างพระเจดีย์คลุมรอยพระพุทธบาท ในการก่อสร้างต้องนำวัสดุมาจากสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไป รวมทั้งประเทศลาวด้วย การคมนาคมไม่สะดวกเช่นปัจจุบัน จึงทำให้การก่อสร้างดำเนินไปด้วยความยากลำบากและล่าช้า แต่ในที่สุดด้วยแรงแห่งศรัทธาของประชาชน การก่อสร้างก็แล้วเสร็จลงรวมเวลา 14 ปี และเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2525 ผู้บัญชาการทหารบกในสมัยนั้นได้เดินทางไปทำพิธีถวายพระประธาน ซึ่งหน่วยผสมพลเรือนทหารที่ 21 ร่วมกับกรมทหารราบที่ 13 และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้สร้างขึ้น เพื่อเป็นพระประธานประดิษฐานในพระมณฑปแห่งใหม่ของวัดพระพุทธบาทบัวบก เป็นพระพุทธบาทรูปนาคปรกปางสมาธิ ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบันว่า “พระพุทธพัฒน์ปทุมสกลอุดรธานี”
กำหนดงาน วันขึ้น 12-15 ค่ำ เดือน 4 ที่วัดพระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
กิจกรรม มีลักษณะพิธีกรรมเหมือนงานวัดสำคัญในท้องถิ่นทั่วไป คือ เมื่อใกล้วันกำหนดงานชาวบ้านจะชวนกันเดินทางด้วยเท้าขึ้นไปจนถึงวัด โดยเชื่อว่าได้อานิสงส์แรง มีการทำบุญและเวียนเทียน ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 มีการออกร้านจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม และที่สำคัญ นอกจากได้มาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพบูชาแล้ว ผู้ที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ยังปรารถนาที่จะเดินเท้าไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทที่สวยงาม และมีเรื่องราวจากตำนานพื้นบ้านเรื่อง อุษาบารส