เป็นประเพณีของชาวมอญ ได้รับอิทธิพลมาจากตำนานสงกรานต์ โดยจะมีบ้านๆ หนึ่งรับหน้าที่หุงข้าว ข้าวที่หุงจะเป็นข้าวสวย เสร็จแล้วนำมาใส่น้ำดอกมะลิรับประทานกับกับข้าวหลายชนิด มีของหวานและผลไม้ ของต่างๆ จะจัดใส่กระทงวางเตรียมไว้ให้สาวๆนำไปส่งตามวัดต่างๆในตอนเช้า
ไม่ว่าสงกรานต์ที่ไหนก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ชื่นฉ่ำกับน้ำเย็นฉ่ำที่สาดกันอย่างสนุกกันปีละหน แต่ถ้าคุณได้มาร่วมงานประเพณีดีๆ ที่พระประแดงแล้ว จะประทับใจไม่รู้ลืม เพราะสงกรานต์พระประแดง เป็นงานสงกรานต์มอญที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น มีความหมายอย่างมากสำหรับชาวพระประแดงที่จะได้สนุกสนานรื่นเริงกันอย่างเต็มที่ สิ่งที่แตกต่างจากที่อื่น คือ สงกรานต์พระประแดงจะไม่จัดกันในช่วงวันสงกรานต์ปกติทั่วไป คือ ช่วงวันที่ 13-15 เมษายน แต่จะจัดงานสงกรานต์หลังจากนั้น ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งช่วงหลังนิยมจัดตรงกับช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่
ก่อนจะถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านจะเตรียมบ้านเรือนให้สะอาด กวนกาละแม ข้าวเหนียวแดง เพื่อทำบุญตักบาตร หรือแจกจ่ายญาติพี่น้อง รวมถึงผู้ที่คุ้นเคยและเคารพนับถือ ว่ากันว่าการกวนกาละแมเป็นเรื่องความสนุกสนานของหนุ่มๆ สาวๆ โดยบ้านใดจะกวนกาละแม ก็จะไปบอกเพื่อนบ้านใกล้เคียงให้มาช่วยกัน เพราะกาละแมกระทะหนึ่งต้องใช้เวลากวนถึง 6 ชั่วโมง จึงจะได้ที่ โดยใน 1 วัน จะกวนได้ 2 กระทะเท่านั้น หนุ่มๆ จึงต้องรับหน้าที่กวน ซึ่งต้องกวนโดยห้ามหยุดเพราะจะทำให้ไหม้ นอกจากนั้นยังมีการเลี้ยงสุราอาหารและคุยกันระหว่างหนุ่มๆ สาวๆ
ในวันสงกรานต์จะส่งข้าวสงกรานต์หรือที่เรียกว่าข้าวแช่ โดยข้าวที่ใช้หุงเป็นข้าวสงกรานต์ต้องใช้ข้าวเปลือก 7 กำใหญ่ ตำเป็นข้าวสาร ฝัดรำทิ้ง 7 หน เมื่อเวลาจะหุงข้าวต้องซาวน้ำล้าง 7 ครั้ง ครั้นเป็นข้าวสวยแล้วต้องนำมาล้างอีก 7 หน จึงนำไปแช่น้ำสะอาดอบร่ำด้วยดอกมะลิ ในภาชนะที่ทำด้วยดิน เช่น อ่างดิน หรือหม้อดินเพื่อให้เย็น ถือว่าอยู่เย็นเป็นสุข กับข้าวที่จะรับประทานกับข้าวสงกรานต์ ต้องทำจากพืช เช่น ถั่ว งา และผักต่างๆ ไม่นิยมทำจากเนื้อสัตว์ โดยนำข้าวสงกรานต์ไปถวายพระที่ในวัดตอนเช้าตรู่ ระหว่างเวลา 6.00-8.00 น. ผู้ส่งนิยมใช้สาวๆ แต่ต้องนำข้าวสงกรานต์หรือข้าวแช่และกับข้าวที่เตรียมไว้ไปบูชาท้าวมหาสงกรานต์เสียก่อน
ที่สำหรับบูชาท้าวมหาสงกรานต์จะปลูกเป็นศาลเพียงตา มีเสาสี่ต้นตกแต่งด้วยทางมะพร้าวและใบมะพร้าว ประดับธงเล็กๆ สีขาว เหลือง แดง เขียว ฯลฯ ศาลเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีพื้นที่สำหรับวางเครื่องบูชา การส่งข้าวสงกรานต์นั้นมักใช้หญิงสาวเป็นคู่ๆ คือ สาวคนหนึ่ง ถือภาชนะใส่ข้าวแช่ ส่วนอีกคนหนึ่งถือ ภาชนะใส่กับข้าวไปส่งตามวัดต่างๆ เพื่อให้พระได้ฉันก่อนออกไปบิณฑบาตหรือลงศาลารับการทำบุญจากชาวบ้าน และห้ามรดน้ำสาวในเขตบริเวณวัด เพื่อมิให้น้ำที่รดผ่านผ้านุ่งของสตรีตกต้องธรณีสงฆ์ แต่หลังจากส่งข้าวสงกรานต์ที่วัดแล้วรดน้ำได้ไม่ผิดประเพณี
นอกจากการส่งข้าวสงกรานต์แล้วยังมีการสรงน้ำพระสงฆ์อีกด้วย โดยกำหนดวันที่จะไปสรงน้ำพระสงฆ์ให้เจ้าอาวาสทราบ ต่อจากนั้นจะสร้างซุ้มกั้นเป็นห้องน้ำด้วยทางมะพร้าว ปูพื้นด้วยแผ่นกระดานสำหรับให้พระเข้าไปสรงน้ำ รางน้ำที่ต่อเข้าไปในซุ้มยาวพอสมควร ทั้งนี้เพื่อให้ชาวบ้านได้สรงน้ำพระกันอย่างทั่วถึง โดยจัดตั้งโอ่งน้ำไว้เป็นระยะ เพื่อให้ชาวบ้านใช้น้ำในโอ่งนี้สรงพระ ซึ่งจัดขึ้นในเวลาประมาณ บ่าย 2 โมง
หลังจากทำบุญเลี้ยงพระเพลหรือมีการจับสลากภัตถวายอาหารแด่พระสงฆ์แล้ว จะนิมนต์พระสงฆ์ที่อาวุโสสูงลงสรงก่อน ชาวบ้านจะใช้ขันของตนตักน้ำในโอ่งเทลงไปในราง น้ำจะไหลตามรางเข้าไปในซุ้มที่พระสรง ในระหว่างนี้จะมีคนคอยตะโกนบอกชาวบ้านให้หยุดเทน้ำ ทั้งนี้เพื่อให้พระได้ถูเหงื่อไคล และชาวบ้านผู้ชายจะเข้าไปช่วยถูเหงื่อไคลพระด้วยก็ได้ เมื่อพระสงฆ์องค์หนึ่งสรงน้ำเสร็จก็นิมนต์องค์ต่อๆ ไป
ในการสรงน้ำพระชาวบ้านจะเอาน้ำอบน้ำหอมเทปนลงไปกับน้ำในรางด้วยก็ได้ การสรงน้ำพระถือเป็นการขอพรและการกุศลทำให้อยู่เย็นเป็นสุข หลังจากสรงน้ำพระเสร็จแล้ว เป็นการรดน้ำของหนุ่มๆ สาวๆ โดยมี 3 ครั้งด้วยกัน คือ เมื่อสาวกลับมาจากส่งข้าวสงกรานต์ตามวัดต่างๆ ระหว่างวันที่ 13, 14 และ 15 เมษายน ตั้งแต่เวลาประมาณ 9.00 น. การรดน้ำในวันสงกรานต์ไม่ผิดประเพณีและไม่ถือโทษกัน แต่ต้องเป็นการรดน้ำโดยสุภาพ ครั้งที่สองเมื่อสาวๆ กลับจากสรงน้ำพระสงฆ์ตามวัด และการรดน้ำครั้งที่สามถือเป็นการรดน้ำครั้งพิเศษ คือ บ่ายของวันที่ 13, 14 และ 15 เมษายน เพราะบ่ายวันนั้นมีการสรงน้ำพระพุทธรูปในมณฑปวัดโปรดเกตุเชษฐาราม หลังจากรดน้ำสาวแล้ว ในตอนกลางคืนยังมีการเล่นสะบ้า อันเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ของชาวรามัญ
สิ่งที่ขาดเสียมิได้ในงานสงกรานต์ของชาวพระประแดง คือ การปล่อยนก ปล่อยปลา ซึ่งได้กระทำสืบทอดกันมาตามตำนานที่เล่ามา คือ เป็นการช่วยชีวิตปลาที่ตกคลักอยู่ตามหนองบึงที่กำลังแห้งในฤดูแล้งและเป็นการรักษาพันธุ์ปลาในทางอ้อมด้วย อีกประการหนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อทางโหราศาสตร์ คือ มีสามเณรองค์หนึ่งถูกนักโหราศาสตร์ทำนายว่าชะตาขาดต้องเสียชีวิต แต่บังเอิญระหว่างทางที่สามเณรเดินทางไปเยี่ยมมารดา พบปลาตกคลักอยู่ในหนองแห้ง สามเณรจึงช่วยจับปลาเหล่านั้นไปปล่อยในคูน้ำ สามเณรจึงพ้นจากชะตาขาดด้วยการทำบุญปล่อยปลา จึงถือกันว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ การแห่ปลาของชาวพระประแดงทำกันทุกปี ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ มีสาวรามัญร่วมขบวนแห่นำปลาไปปล่อยในที่ต่างๆ ตามความเหมาะสมเป็นปีๆ ไป
ก่อนการแห่นกแห่ปลา เจ้าภาพจะเชิญสาวๆ มาร่วมขบวน โดยมอบหมากพลูให้คำหนึ่งต่อสาวคนหนึ่งถือเป็นประเพณี ถ้าสาวคนใดรับหมากพลู ก็แสดงว่ายินดีมาร่วมขบวนแห่ ก่อนแห่เจ้าภาพจะเอานกใส่กรงและเอาปลาหมอใส่ขวดโหล โหลละ 2-3 ตัว เมื่อถึงกำหนดเวลาก็ให้สาวๆ ที่เชิญมาถือกรงนกหรือโหลใส่ปลาเข้าร่วมขบวนแห่ไปตามถนน จนถึงสถานที่ปล่อยนกปล่อยปลา ในขบวนแห่มีการละเล่นสลับ ได้แก่ แตรวง ทะแยมอญ เถิดเทิง ร่วมขบวนไปเป็นที่สนุกสนานรื่นเริง เวลาแห่มักเป็นเวลาประมาณ 15.00 น. นอกจากนั้นยังมีการประกวดนางสงกรานต์และการประกวดหนุ่มลอยชาย ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษทุกปีด้วย
พื้นที่จัดงาน จัดขึ้นทุกปีที่ บริเวณเทศบาลเมืองพระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ