ลำปางมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เที่ยวชมวัดวาอาราม เดินชมย่านเก่าที่เต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมโบราณอันงดงาม หรือจะลองนั่งรถม้าชมเมืองก็ได้บรรยากาศของการย้อนอดีตอันเป็นเอกลักษณ์ของจ.ลำปาง
ชมเมืองบนรถม้า นับเป็นเวลาย้อนหลังไปช่วง 80 ปีที่แล้ว สมัยของเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิตซึ่งตรงกับสมัยรัชกาล ที่ 5 การคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ยังพัฒนาไม่ถึงนครลำปาง รถม้าเป็นพาหนะชนิดเดียว ที่ได้รับความ นิยมในการเดินทางสูงสุดและสามารถใช้บรรทุกของหรือสินค้ารถม้าคันแรกได้ถูกซื้อมาจากกรุงเทพฯ ขณะนั้นทางกรุงเทพฯ มีรถยนต์ใช้มากขึ้น บทบาทของรถม้าลากในกรุงเทพฯ จึงลดลงรถม้าจึงได้ถูกนำมาใช้ที่นครลำปาง และยังได้กระจายไปสู่เมืองหลักของภาคต่างๆ ได้แก่ นครราชสีมาของอีสาน นครศรีธรรมราชของภาคใต้ นครเชียงใหม่ เมืองเชียงราย เมืองแพร่ เมืองน่าน เมืองแม่ฮ่องสอน ของทางภาคเหนือแต่ด้วยเหตุใดไม่ปรากฏผู้ประกอบการรถม้าในเมืองดังกล่าวจึงเลิกกิจการไป คงเหลือแต่เฉพาะจังหวัดลำปางแห่งเดียว ที่ยังคงใช้รถม้าอยู่ตราบ จนกระทั่งวันนี้
ชมเมืองบนรถม้า ลำปาง เมื่อครั้งหนึ่งในอดีตรถม้ามีบทบาทเป็นอย่างมากเลย ในลำปางมีรถม้าที่เรียกกัน “รถม้าแท็กซี่” ซึ่ง จะคอยรับส่งผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าไปสู่ตัวเมืองนครลำปาง ทั้งไปรับพัสดุภัณฑ์จากสถานีรถไฟมาส่งที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งจะเป็นรถคอยรับ-ส่งนักเรียน และช่วยขนของให้กับพ่อค้าแม่ค้า ตลอดไปจนถึงพาคนป่วยไปโรงพยาบาลด้วย จนมาถึงปัจจุบันมีรถม้าเหลืออยู่ไว้แค่เพื่อบริการนักท่องเที่ยวเท่านั้น ซึ่งทางจังหวัดได้ทำการจัดเส้นทางสำหรับรถม้าโดยเฉพาะเลย โดยมีเส้นทางลัดเลาะเลียบไปตามแม่น้ำวัง
โดยทางสมาคมรถม้าลำปาง ได้มีการกำหนดค่าโดยสารไว้แน่นอนไว้ 3 อัตรา ได้แก่
• รอบเมืองเล็ก 150 บาท
• รอบเมืองใหญ่ 200 บาท
• เช่าชั่วโมงละ 300 บาท
คิวจอดรถม้า
• หน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่า และให้บริการระหว่างเวลา 06.00-16.00 น.
• หน้าโรงแรมทิพย์ช้างลำปาง โรงแรมเวียงลคอร และโรงแรมลำปางเวียงทอง บริการระหว่างเวลา 06.00-23.00 น.
• สมาคมรถม้าลำปาง โทร. 054-21 9-255
เส้นทางรอบเมืองเล็ก เริ่มต้นไปขึ้นรถม้า ที่ศาลากลางหลังเก่า ซึ่งรถจะเลี้ยวซ้ายตรงสามแยก และเลี้ยวเข้าถนนทิพย์ช้าง ทั้ง 2 ฟากของถนนจะมีร้านค้าที่เป็นตึกแถวเก่าๆ ให้เราได้แวะชมก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกการไฟฟ้าฯ ซึ่งจุดนี้เราจะเห็นแม่น้ำวังไหลขนานไปกับถนนทางด้านขวา ผ่านห้าแยกหอนาฬิกาด้วย ซึ่งเปรียบเหมือนจุดศูนย์กลางของเมือง นักท่องเที่ยวมักจะถ่ายรูปคู่กับรถม้าไว้เป็นที่ระลึก ณ จุดนี้ด้วย จากนั้นรถม้าก็จะพาเราเข้าไปยังถนนบุญวาทย์ ซึ่งเป็นย่านใจกลางธุรกิจการค้าของลำปาง มีตึกแถวทั้ง 2 ฟากถนน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างแบบสมัยใหม่ และกลับมาสิ้นสุดที่ตรงจุดเดิม ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 20 นาที
เส้นทางรอบเมืองใหญ่ เริ่มต้นไปขึ้นรถที่ศาลากลางเก่า (เส้นทางเดียวกับเส้นทางรถม้ารอบเมืองเล็ก) ไปจนถึงสามแยกการไฟฟ้าฯ แต่ตรงจุดนี้จะไม่เลี้ยวซ้ายไปตามหอนาฬิกา จะตรงไปตามถนนวังขวาเลียบแม่น้ำวังแทน ซึ่งจะผ่านบ้านไม้เก่าๆ ชื่อบ้านบะเก่า ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือ และผ่านสวนสาธารณะเขลางค์นครด้วย จากนั้นเลี้ยวซ้ายข้างๆ สวน ผ่านตลาดอัศวินซึ่งเป็นแหล่งบันเทิงในยามค่ำคืนที่คึกคักเป็นอย่างมากเลย ซึ่งตั้งอยู่บนถนนท่าคร่าวน้อย และผ่านห้าแยกหอนาฬิกาก่อนจะเข้าถนนบุญวาทย์ และไปสิ้นสุดบริเวณจุดเดิม โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ค่าบริการประมาณ 200 บาท
หากว่าคุณเช่ารถม้าเป็นชั่วโมง สามารถเลือกเส้นทางชมเมืองได้ตามที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ขี่รถม้าข้ามแม่น้ำวังบนสะพานรัษฎาภิเศก ผ่านไปชมบ้านเสานัก ชมวัดพระแก้วดอนเต้า และวัดต่างๆ หลายวัด และไปกราบนมัสการหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งที่กล่าวมานี้ค่าบริการประมาณ 300 บาท
อีกหนึ่งเส้นทางหนึ่งที่ น่าไปเยี่ยมชมก็คือ แวะชมย่านตลาดจีนบนถนนตลาดเก่า ซึ่งถนนแห่งนี้เป็นถนนเศรษฐกิจในอดีต ที่ยังคงสภาพอาคารและตึกแถวแบบโบราณไว้ทั้งสองฟากถนน ซึ่งบ้านเก่าหลายหลังจะมีลวดลายไม้ฉลุที่งดงามเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้แวะชมสถานีรถไฟที่เป็นอาคารแบบโบราณ และแวะถ่ายรูปที่ห้าแยกหอนาฬิกาด้วย ณ จุดนี้เราอาจจะแวะซื้อผลิตภัณฑ์เซรามิคบริเวณหน้าโรงเรียนเทศบาล 4 ที่อยู่ใกล้ๆกับหอนาฬิกาก็ได้ มีให้เลือกหลายร้านเลยทีเดียว
หากว่าคุณสนใจที่จะแวะชม แหล่งผลิตรถม้า ซึ่งมีหลายหมู่บ้านเลยที่เป็นแหล่งรวมรถม้าและคนขับรถม้า ได้แก่ บ้านวังหม้อ บ้านท่าคราวน้อย บ้านศรีบุญเรือง บ้านนาก่วมเหนือ และบ้านนาก่วมใต้