จุดเด่นของสินค้าแก่นไม้กฤษณาเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในธรรมชาติและเนื้อแก่น ไม้จะมีราคาค่อนข้างสูง ในการที่กลุ่มสามารถผลิตแก่นไม้โดยมีคุณภาพและคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับธรรมชาติได้สูงสุดนั้น นับได้ว่าถือเป็นภูมิปัญญาอันสูงสุดที่สามารถสร้างให้เกิดรายได้กับชุมชน
กลุ่มผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณา
สถานที่ผลิต ตั้งอยู่เลขที่ 8 หมู่ 4สวนหอมมีสุข ตำบลกะเฉด อ.เมือง จ.ระยอง 21100
ประธานชื่อ นางพิกุลกิตติพล
ประวัติความเป็นมา ไม้กฤษณา หรือ ไม้หอม เป็นไม้ที่มีประวัติมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ว่ากันว่า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประสูติ พระหัตถ์ข้างหนึ่งทรงถือดอกบัว พระหัตถ์อีกข้างหนึ่งทรงถือไม้กฤษณา เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง มีคุณค่าอยู่ในตัวของตัวเองอยู่แล้ว และนำมาใช้ในพิธีกรรมหลายศาสนา คือ พุทธ, คริสต์, อิสลาม, ฮินดู, ชินโต ฯลฯ
ในสมัยโบราณกาลของไทยใช้ได้เฉพาะพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงโปรดเกล้าให้สามัญชนมีโอกาสใช้ได้ แต่ยังคงเป็นไม้ที่มีราคาแพง ผู้ที่มีเงินเท่านั้นจึงจะซื้อหามาใช้ได้ และในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านทรงได้นำเป็นสินค้าส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และส่งเป็นเครื่องราชบรรณาการให้กับประเทศต่างๆทางตะวันออกกลาง
กลุ่มเกษตรผลิตไม้กฤษณาจังหวัดระยองได้ร่วมกันปลูกป่าไม้ ซึ่งจะปลูกต้นไม้ทุกชนิดหลายอย่าง ไม่เฉพาะเจาะจง รวมทั้งการปลูกไม้กฤษณาไปด้วย และได้รวบรวมแนวความคิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน จนสามารถสร้างแก่นจากเนื้อไม้กฤษณาได้ โดยอาศัยระบบนิเวศน์และความสมดุลของสิ่งแวดล้อม จากการสร้างป่าโดยธรรมชาติ จึงทำให้ผลผลิตที่ได้ออกมามีลักษณะคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด และเป็นผลผลิตที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมของลูกค้ามาก
เอกลักษณ์/จุดเด่นผลิตภัณฑ์ สามารถสร้างแก่นไม้ให้เกิดในเนื้อไม้กฤษณาได้โดยยังไม่มีประเทศใดในโลกทำให้ เกิดได้ และแก่นไม้ที่ได้ก็มีลักษณะใกล้เคียงและคล้ายธรรมชาติที่สุด จุดเด่นของสินค้าแก่นไม้กฤษณาเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในธรรมชาติและเนื้อแก่น ไม้จะมีราคาค่อนข้างสูง ในการที่กลุ่มสามารถผลิตแก่นไม้โดยมีคุณภาพและคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกับ ธรรมชาติได้สูงสุดนั้น นับได้ว่าถือเป็นภูมิปัญญาอันสูงสุดที่สามารถสร้างให้เกิดรายได้กับชุมชนสูงสุด โดยสินค้าที่ได้ยังไม่มีประเทศใดสามารถทำได้เลย ยกเว้นแต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะใช้เวลา 30 ปี 50 ปี หรือ 100 ปี ส่วนการทำของกลุ่มหลังจากทำจะใช้เวลาเพียง 2 ปี เท่านั้น ก็สามารถได้แก่นไม้ที่เป็นผลผลิตเทียบเท่ากับธรรมชาติได้เลย และสามารถทดแทนธรรมชาติโดยสินเชิง ชาวบ้านไม่จำเป็นต้องไปลักลอบจากป่าอีก และจะช่วยอนุรักษ์ป่าไม้ด้วย
ด้านการตลาด ตลาดภายในประเทศ – มีการส่งเสริมการปลูกเป็นพืชแซมเพื่อเสริมรายได้ และมีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ออกขายไปยังร้านค้า OTOP ทั่วประเทศ มีการออกแสดงสินค้าตามงาน ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ - ส่วนในจังหวัดระยอง มีการขายอยู่ที่สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ตลาดต่างประเทศ จะขายแก่นไม้กฤษณา และน้ำมันเป็นหลัก - แก่นไม้จะขายญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน และตะวันออกกลางเป็นหลัก - น้ำมันจะขายทางตะวันออกกลางเป็นหลัก เพราะน้ำมันจะมีคุณสมบัติกันไรทะเลทรายซึ่งทางตะวันออกกลางจำเป็นต้องใช้
คู่แข่งทางการตลาด คู่แข่งทางการตลาดจะมีลาว, เขมร, พม่า, มาเลเซีย, อินเดีย, เขมร แต่ส่วนใหญ่ทุกประเทศมีแค่การสกัดน้ำมันออกขายซึ่งน้ำมันกลิ่นที่ได้ไม่เป็น ที่นิยมของตลาด ส่วนน้ำมันของไทยกลิ่นจะเป็นที่นิยม แต่จะถูกกดราคาให้ถูกเท่าๆกับต่างประเทศ ด้านไม้แก่น ทุกประเทศจะหามาขายจากแหล่งธรรมชาติซึ่งก็เริ่มหมดไป แต่ของกลุ่มเราสามารถปลูกและผลิตได้เอง จึงนับได้ว่าถ้าตลาดต้องการเมื่อใดก็สามารถหาให้ได้เลยทันที ไม่ต้องรอจากธรรมชาติซึ่งหาได้บ้างไม่ได้บ้าง
มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ รางวัลทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติจากกรมป่าไม้มาตราสินค้าที่ผลิตขึ้นทุก ตัวจากหน่วยงานอุตสาหกรรมและรางวัล 5 ดาว ระดับประเทศจากการกลั่นน้ำมันจากไม้กฤษณา รางวัล ส.ม.ส. จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ความสัมพันธ์กับชุมชน ไม้กฤษณาเป็นไม้ที่ใช้ในการปลูกเสริมกับพืชที่มีอยู่ เช่น พืชพื้นเมือง เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ยาง ฯลฯ ซึ่งทำให้ชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น และสร้างรายได้จากการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์โดยหลังจากทำงานประจำก็ สามารถมารับจ้างสับไม้กฤษณาหรือต้มกลั่นน้ำมันเป็นรายได้เสริมอีกได้
ขั้นตอนการผลิต หลังจาการเพาะเมล็ดแล้วปลูกจนโตได้ขนาดประมาณเส้นผ่าศูนย์กลาง 8” จึงทำการเจาะรูแล้วใส่สาร เข้าไปในเนื้อไม้กฤษณาใช่ระยะเวลาประมาณ 2 ปี จึงทำการตัดต้นกฤษณา(สารจุลินทรีย์ที่ทางกลุ่มสามารถผลิตโดยใช้ภูมิปัญญาของ ชาวบ้านแท้ๆจนทำให้สามารถคิดแก่นรับได้ในเนื้อไม้)
แหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์
- ขายผ่านตัวแทน
- ขายผ่าน Tracer
- ขายส่งตาม OTOP ทั่วประเทศ
- ขายตรงกับต่างประเทศเองออกขายตามงานมหกรรมสินค้าต่างๆ ภายในประเทศ