ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วยังนึกไม่ได้ แนะนำให้ไปเที่ยวที่พระราชวังเดิม เมืองนครปฐมเคยเป็นเมืองที่มีพระมหากษัตริย์ครอบครองมาแต่โบราณกาล แต่ปราสาทราชวังในครั้งนั้น สร้างด้วยไม้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างมาเป็นเวลานาน จึงผุพังเหลือแต่ซาก
เมืองนครปฐมเคยเป็นเมืองที่มีพระมหากษัตริย์ครอบครองมาแต่โบราณกาล แต่ปราสาทราชวังในครั้งนั้น สร้างด้วยไม้ถูกทอดทิ้งให้รกร้างมาเป็นเวลานาน จึงผุพังเหลือแต่ซาก จนกระทั่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้นใหม่เมื่อ พ.ศ. 2454 ร่องรอยพอจะสันนิษฐานได้ คือ ตรงบ้านเนินปราสาทอันเป็นที่ตั้งพระราชวังสนามจันทร์ ปัจจุบันนี้มีเนินดิน และลำคูล้อมรอบตามหนังสือเรื่องพระปฐมเจดีย์ฉบับเก่าของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) ว่าพระที่นั่งองค์เก่ามีฐานปราสาท และท้องพระโรงมีโบสถ์พราหมณ์ สระน้ำ กำแพงชั้นในและชั้นนอก ก็ยังเหลืออยู่บ้าง แต่พวกจีนที่ไปตั้งทำไร่ รื้อทำลายเสียหายไปมาก
นอกจากนี้ยังมีเนินดิน ซากโบราณเกี่ยวกับโบสถ์พราหมณ์ และลายกนกปูนปั้นเหลือเป็นพยานอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ลักษณะลวดลายและฝีมือดูจะเป็นของเก่า ของเหล่านี้ล้วนแต่ใช้ศิลาแลงเป็นแกนและพวกปูนประกอบอีกชั้นหนึ่ง มีสระใหญ่อีกแห่งหนึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเนินดินที่กล่าวนี้เรียกว่า "สระน้ำจันทร์" กล่าวกันว่าเป็นที่ขังน้ำจืดคล้ายกัน กับน้ำในทะเลชุบศร เมืองลพบุรี ปัจจุบันนี้สระน้ำตื้นเขินเสียหมดแล้ว ชื่อของสระน้ำเป็นต้น เค้าที่ทำให้เรียก ชื่อตำบลว่าตำบลสระน้ำจันทร์มาแต่โบราณ จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นจึงได้ทรงเปลี่ยนชื่อใหม่ เรียกตามพระราชวังว่า "ตำบลสนามจันทร์" จากเรื่องราว ดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า เมืองนครปฐมเดิมคงจะใหญ่โตมาก เพราะบริเวณพระราชวัง อยู่ห่างจากพระเจดีย์องค์เดิม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของตัวเมือง เกือบ 2 กม.