วัดต่อแพ เป็นวัดเก่าแก่อยู่ทางฝั่งขวาของลำน้ำยวม มีวิหารขนาดใหญ่แบบพม่า สร้างอย่างวิจิตรสวยงามมากซึ่งภายในวิหารมีผ้าม่านเก่าแก่ทำด้วยกำมะหยี่ ประดับลูกปัด มุกและทับทิม จำนวน 164 เม็ดและมีธรรมาสน์สร้างในพ.ศ. 2464
วัดต่อแพ ตั้งอยู่ที่บ้านต่อแพ ตำบลแม่เงา ห่างจากตลาดขุนยวมประมาณ 7 กิโลเมตร โดยก่อนที่จะถึงตลาดมีทางแยกจากทางสาย 108 ตรงข้ามกับวัดม่วยต่อ ไปประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอด เป็นวัดเก่าแก่อยู่ทางฝั่งขวาของลำน้ำยวม มีวิหารขนาดใหญ่แบบพม่า สร้างอย่างวิจิตรสวยงามมากซึ่งภายในวิหารมีผ้าม่านเก่าแก่ทำด้วยกำมะหยี่ ประดับลูกปัด มุกและทับทิม จำนวน 164 เม็ดและมีธรรมาสน์สร้างในพ.ศ. 2464 นอกจากนี้ยังมีเจดีย์ทรงมอญอีกด้วย ตามประวัติเล่าว่าบริเวณนี้แต่เดิมเคยเป็นที่พัก และรวมไม้ซุง นักต่อแพเหล่านี้ได้พร้อมใจกันสร้างวัดขึ้นมาแล้วให้ชื่อว่า วัดต่อแพ
แต่เดิมบริเวณวัดนี้เป็นวัดร้างสันนิฐานว่าเป็นวัดของชาวลวะหรือละว้าที่สร้าง มาเป็นเวลานานแล้ว ภายหลังเมื่อมีคนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ จึงพบวัดต่อแพซึ่งมีซากเจดีย์เก่ามีต้นไม้ใหญ่ขึ้นกลางเจดีย์แต่ในตอนนั้น ยังไม่มีใครกล้าเข้ามายังบริเวณนี้เพราะเล่ากันว่ามีผีดุมาก ต่อมาชาวบ้านได้นิมนต์เจ้าอาวาสวัดต่อแพเก่า (ปัจจุบันเป็นมี่ตั้งศูนย์เด็กเล็ก) ให้มาทำการบูรณะวัด โดยมีศรัทธาบ้านเมืองปอน บ้านขุนยวมและบ้านต่อแพร่วมกันสร้างศาลาการเปรียญขึ้นมาเมื่อราวปี พ.ศ. 2461
ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่า วัดต่อแพเป็นวัดเก่าแก่ที่เคยเจริญรุ่งเรืองมาก่อน ภายหลังจึงได้รับการสร้างขึ้นใหม่ ดังมีหลังฐานปรากฏในแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศว่า วัดต่อแพและหมู่บ้านต่อแพเป็นเมืองโบราณ เมื่อโครงการสำรวจชุมชนโบราณของศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เข้าไปทำการสำรวจจึงทราบว่า ต่อแพเป็นเมืองเก่าของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเป็นหนึ่งในสามของเมืองเก่าที่ปรากฏในแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ดังกล่าว อนึ่ง มีบางตำราได้กล่าวถึงประวัติของวัดว่าสถานที่แห่งนี้เดิมเป็นที่พักและรวม ซุงไม้ มีนักต่อแพมาชุมนุมกันมาก นักต่อแพเหล่านั้นจึงร่วมใจกันสร้างวัดขึ้นมาและให้ชื่อว่าวัดต่อแพ
สถาปัตยกรรมที่ดีเด่นของวัดต่อแพ คือศาลาการเปรียญซึ่งเป็นอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมไทใหญ่ที่สวยงามที่สุดในอำเภอขุนยวม ตัวอาคารซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกนั้นได้รับการก่อสร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง มีความกว้างประมาณ 30 เมตร และยาวประมาณ 25 เมตร หลังคาซึ่งมีหลายชั้นแยกออกจากกันเป็นหลังๆ และมุงด้วยสังกะสีที่ได้รับการสลักลวดลายอย่างสวยงาม ปัจจุบันนี้สภาพโดยทั่วไปของศาลาการเปรียญยังสมบูรณ์ดี เนื่องจากได้รับการดูแลเอาใจใส่จากพระคณะพิสิฐศ์พรหมคุณ ท่านจากอาวาสวัดอย่างสม่ำเสมอ วัดต่อแพมีวัตถุโบราณล้ำค่าหลายอย่าง เช่น ผ้าม่านประดับพลอดกว้าง 2 เมตร ยาว 3 เมตร ตู้พระธรรมซึ่งนำมาจากเมืองมะละแหม่ง แกะสลักอย่างสวยงามจำนวน 2 ใบและพระพุทธรูปล้ำค่าอีกหลายองค์ นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดยังมีอาคารที่เก่าแก่อีกหลายหลัง คือ จองซอนหรือศาลาสรงน้ำพระซึ่งใช้เป็นที่สรงน้ำพระในเทศกาลสงกรานต์ของชาวไทใหญ่ ตลอดจนวิหารและเจดีย์เก่าแก่ สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2463 และถานหรือส้วมพระสงฆ์สมัยโบราณที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดาร มีหลังคาลดชั้นและลวดลายแกะสลักไม้ปัจจุบันนี้ยังใช้งานได้ดีสำหรับองค์เจดีย์ซึ่งได้กล่าวถึงแล้วข้างต้นว่ามีมาแต่เดิม ต่อมาจึงได้รับการบูรณะให้มีสภาพสมบูรณ์ขึ้น สิ่งที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับเจดีย์นี้ คือต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่กลางองค์เจดีย์และไม่มีใครกล้าตัดออก อนึ่ง วิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน คือที่บริเวณด้านหน้าของศาลาการเปรียญนั้น องค์เจดีย์จะตั้งอยู่ด้านทิศเหนือและวิหารจะตั้งอยู่ด้านทิศใต้ หรือแม้แต่จะนำช้างนี้มาเลี้ยงในบริเวณนั้น เพราะเล่ากันว่ามีผีดุ ชาวบ้านบางคนกล่าวว่า เวลานำช้างมาเลี้ยงทีไร ช้างจะแตกตื่นวิ่งหนีไปเสียทุกครั้งต่อมา เมื่อมีศาลาการเปรียญขึ้นมาเป็นอาคารหลังแรกของวัดต่อแพในปี พ.ศ. 2461 (เจดีย์ยังไม่ได้รับการบูรณะ) ได้มีปรากฏการณ์บางอย่างเกิดขึ้นคือ ทุก วันขึ้น 14, 15 ค่ำ จะมีดวงไฟส่องสว่างลอยออกมาจากเจดีย์องค์ดังกล่าว แต่ไม่มีใครสนใจ จนวันหนึ่ง มีเณรไปเล่นที่รอบเจดีย์โดยขุดคุ้ยกองอิฐเก่าที่ฐานเจดีย์นั้น ก็ได้พบผอบเงิน เมื่อแกะดูข้างในมีพระธาตุเม็ดเล็กๆ ขนาดข้าวสาร มีแสงระยิบระยับไปหมด เจ้าอาวาสทราบดังนั้น จึงสั่งให้เก็บไว้ที่องค์เจดีย์ตามเดิม ครั้นข่าวการพบพระธาตุได้กระจายไปยังที่ต่างๆ ทั้งในหมู่บ้าน ต่างบ้านจนไกลไปถึงเมืองมะละแหม่งและร่างกุ้งในสหภาพพม่า ก็มีผู้คนมาทำบุญกันมากมาย อีกทั้งถวายเงินเข้าวัดเป็นจำนวนมากจึงมีผู้คิดจะสร้างเจดีย์องค์ใหม่เพื่อ ครอบองค์เก่า แต่ไม่มีใครกล้าตัดต้นไม้ที่ขึ้นกลางเจดีย์ แม้ว่าจะมีหมอผีหลายคนรับอาสาทำพิธีตัดให้ แต่ก็ไม่สำเร็จสักคน ทั้งนี้เนื่องจากเวลาที่ทำพิธีอยู่นั้น เมื่อหมอผีนำขวานไปฟันติดกับต้นไม้แล้วมี การจุดธูปเทียนบอกกล่าวพร้อมกับอธิฐานว่า ถ้าอนุญาตให้ตัดต้นไม้ขอให้ขวานติดอยู่ดังเดิม แต่ครั้นรุ่งเช้า ขวานก็จะกระเด็นไปตกที่อื่นอยู่เช่นนั้นเสมอ จนวันหนึ่งเจ้าอาวาสฝันว่าเจ้าของเจดีย์จะอนุญาตให้ตัดต้นไม้ก็ต่อเมื่อ สร้างสะพานข้ามแม่น้ำยวมซึ่งอยู่ติดกับวิหารให้ก่อน เจ้าอาวาสจึงเรียกชาวบ้านมาช่วยกันสร้างสะพานและทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง เมื่อทำพิธีเสร็จเจ้าของเจดีย์ก็มาเข้าฝันเจ้าอาวาสอีกว่า บัดนี้พวกผีสิงสถิตอยู่ในเจดีย์ได้ข้ามแม่น้ำยวมไปอยู่ดอยคูเวียงซึ่งเป็น วัดร้างอีกแห่งหนึ่งบนเขาแล้ว ชาวบ้านจึงได้ออกเงินกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ จากนั้น การตัดไม้ก็สำเร็จลงและเจดีย์องค์ใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นครอบเจดีย์องค์เก่าดัง ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และภายหลังได้มีการสร้างวิหารขึ้นอีก สำหรับเจดีย์และวิหารของวัดต่อแพซึ่งสร้างขึ้นใหม่นี้สร้างตามแบบศิลปะพม่า ผสมกับไทใหญ่ โดยองค์เจดีย์มีฐานกว้างประมาณ 12x12 เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ และมีความสูงประมาณ 20 เมตร แต่ละทิศมีซุ้มพระประจำ และมีสิงห์ทั้ง 4 มุม อนึ่ง ฉัตรทองซึ่งมีระฆังห้อยหลายชั้นนั้นเมื่อลมพัดจะเกิดเสียงดังกังวานไปทั่ว อนึ่งวิหารของวัดมีหลังคาสูงคล้ายวิหารที่วัดลำปางหลวง จังหวัดลำปาง และมีเสากลม ตัวเพดานเขียนลวดลายอย่างสวยงาม ทางเข้าวิหารอยู่ทางทิศใต้ นับว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 ซึ่งได้แก่ วิหารและเจดีย์ของวัดต่อแพ ต่างก็เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านต่อแพ ตลอดจนชาวอำเภอขุนยวมโดยทั่วกัน สำหรับความงดงาม อาจกล่าวได้ว่า วิหารของวัดเป็นวิหารที่สวยงามที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ว่าได้