จ.บุรีรัมย์ จัดงานประเพณี "มหกรรมว่าวอีสานบุรีรัมย์ นอนดูดาว ชมว่าวกลางคืน" ประจำปี 2555 ณ บริเวณสนามกีฬากลางอำเภอห้วยราช ระหว่างวันที่ 7 - 11ธ.ค.นี้ เพื่อสืบทอดภูมิปัญญาและอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น
ประวัติความเป็นมา ประมาณเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปีมีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่าน อากาศแห้ง พืชพันธุ์ธัญญาหารต่างๆ พร้อมที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ประกอบดับเป็นเวลาเหมาะแก่การจัดงานเทศกาลประเพณีต่างๆ ชาวอีสานส่วนใหญ่จึงถือโอกาสนี้ปล่อยว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นการแข่งขันกัน บางถิ่นยังถือว่าการเล่นว่าว เป็นการเสี่ยงทายทำนายฝนฟ้าในปีต่อไปด้วย คือ ถ้าปีใดว่าวติดลมบนตลอดคืน สม่ำเสมอก็ทายว่าปีต่อไปฝนฟ้าจะตกต้องอุดมสมบูรณ์
เพื่อเป็นการส่งเสริม ให้งานว่าวเป็นประเพณีประจำปีอีกงานหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวไปสู่ท้องถิ่น จังหวัดบุรีรัมย์จึงได้ริเริ่มจัด “มหกรรมว่าวอีสาน” ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2529 ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำชลประทานห้วยจระเข้มาก ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามเส้นทางสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ประมาณ 10 กิโลเมตร
กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงาน ได้แก่ ขบวนแห่มหกรรมว่าวอีสาน ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอห้วยราช (ข้างม.รามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์) , พิธีตัดกรรม (สะเดาะเคราะห์และเสริมดวงชะตาชีวิต) , การประกวดธิดาว่าวอีสาน , ชมการแสดงพื้นบ้านของหมู่บ้านว่าวและกิจกรรมนอนดูดาวชมว่าวกลางคืนและการ แข่งขันการประดิษฐ์ว่าวแอกยุวชน การแข่งขันการแกว่งแอก
ชาวอีสาน คุ้นเคยกับการเล่นว่าว มาแต่โบราณกาล เช่นเดียวกันกับประชาชนในภูมิภาคอื่นๆ โดยว่าวอีสาน ที่เล่นกันในแต่ละถิ่น จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป แต่ลักษณะเด่นของว่าวอีสาน จะเป็นว่าวที่มีตัว เป็นสองห้อง จึงถูกเรียกว่า ว่าวสองห้อง หรือ ว่าวแม่ลูก เพราะ ตัวว่าวที่ห้องบนขนาด ใหญ่ จะเรียกว่า "ตัวแม่" ตัวว่าวที่อยู่ด้านล่างลงมา มีขนาดเล็กกว่าประมาณเท่าตัว เรียกว่า "ตัวลูก" หรือบ้างก็เรียกว่า เนื่องจากมี ซึ่งทำจากไม้หวาย และใบหวาย ติดที่ส่วนหัวว่าว ที่ส่งเสียงในเวลาที่ว่าวลอยติดลมบน
นอกจากนี้ตัวแอกบางครั้งก็เรียก ดังนั้น จึงจะได้ยินชื่อเรียก ของภาคอีสาน หลายชื่อ ไม่ว่า จะเป็นว่าวแอก ว่าวสองห้อง ว่าวธนู หรือว่าวแม่ลูก ซึ่งเป็นชื่อถิ่นของชาว บุรีรัมย์ที่เรียกกัน
สำหรับการเล่นว่าวทางภาคอีสานนั้น จะเป็นช่วงฤดูสั้นๆ ประมาณ 1 - 2 เดือน ในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม เพราะมีลมมรสุมพัดผ่าน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ลมบน และต้องเล่นว่าวในยามค่ำคืน ในช่วงเวลา ตั้งแต่ 5 โมงเย็น เรื่อยไปจนถึงสว่างประมาณ ตี 5 หรือ 6 โมงเช้า ลมว่าวก็จะหมดลง ว่าวก็ตกลงมา
การเล่นว่าวของคนอีสาน มีความเชื่อมโยงกับความเชื่อ การพยากรณ์ การเสี่ยงทายความอุดมสมบูรณ์ ของพืชพันธ์ธัญญาหาร โดยเชื่อว่า หากปีใดว่าวขึ้นสูง ติดลม บนได้ตลอดทั้งคืน จะพยากรณ์ว่าปีหน้า ฟ้าฝนจะดี ข้าว ปลา อาหาร จะบริบูรณ์ ส่วนชาวไทยเชื้อสายเขมร โดยเฉพาะจังหวัดบุรีรัมย์ เชื่อกันว่า การชักว่าวขึ้นให้ติดลม และเสียงของแอก ที่โหยหวน มีความหมาย ว่า เป็นการสร้างกรรม ดังนั้น เมื่อเลิกเล่น จึงนิยมตัดว่าวทิ้ง ถือว่า เป็นการตัดเวรตัดกรรมออกไป หรือ เป็นการสะเดาะเคราะห์ โดยมีการผูกข้าวปลาอาหาร ให้ล่องลอยไปกับตัวว่าว